วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิลรัตน์

นิลรัตน์


     แมวนิลรัตน์ เป็นแมวมีสีดำสนิททั้งตัว ขนเป็นมันแวววาว นอกจากนั้น เล็บ ลิ้น ฟัน และนัยน์ตา ยังเป็นสีดำอีกด้วย หางเรียวยาว ตวัดได้ถึงศีรษะ ค่อนข้างหายาก หากใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเพิ่มพูน

บทกวีที่กล่าวถึงแมวนิลรัตน์



ภาพแมวนิลรัตน์จากสมุดข่อยโบราณ

สมยานามชาติเชื้อ    

นิลรัตน์

กายดำสิทธิสามรรถ
   

เลิศพร้อม

ฟันเนตรเล็บลิ้นทัต
   

นิลคู่ กายนา

หางสุดเรียวยาวน้อม
   

นอบโน้มเสมอเศียร



วิลาศ

       แมววิลาศ มีสีดำเกือบทั้งตัว ขนเรียบ ยกเว้นใบหูทั้ง 2 ข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก ปลายเท้าทั้ง 4 และจากท้ายทอยบนหลังจนถึงปลายหางมีสีขาว หางเรียวยาว นัยน์ตาสีเข้ม รูปร่างสวยงามน่ารัก ใครเลี้ยงจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีทรัพย์สินบริบูรณ์ ื

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิลาศ



ภาพแมววิลาศจากสมุดข่อยโบราณ

  ราวคอทับถงาดท้อง    

สองหู

ขาวตลอดหางดู
   

ดอกฝ้าย

มีเสวตรสี่บาทตรู
   

สองเนตร์ เขียวแฮ

งามวิลาศงามคล้าย
   

โภคพื้นกายดำ

แมวโกนจา

 

     
แมว "โกนจา" หรือบางแห่งก็เขียนว่า "โกญจา" แมวชนิดนี้เป็นแมวสีดำสนิทตลอดทั้งตัว ขนสั้น ไม่มีสีอื่นใดปะปนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กละเอียดนุ่มและเรียบตรงทั้งลำตัว ส่วนหัวกลมแต่ไม่โต มีปากเรียวแหลม หูตั้ง นัยตาเป็นสีเหลืองอมเขียวหรือทองอ่อน อาจเปรียบได้กับดอกบวบแรกแย้มหรือทองดอกบวบ รูปร่างสะโอดสะองคล่องแคล่ว หางยาว ปลายหางแหลมตรง อุ้งเท้าทอดคล้ายเท้าสิงห์ มีความสง่างามขณะเคลื่อนไหว แมวโกญจาบางทีอาจรู้จักกันในสายพันธุ์บอมเบย์

ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว

    ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

    ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

    ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
       ขนยาวมากเกินไป ขนมีสีอื่นปะปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป ( เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมวโกนจา



ภาพแมวโกนจาจากสมุดข่อยโบราณ

    กายดำคอสุดท้อง    

ขาขนเลเอียดเฮย

ตาดั่งศรีบวบกล
   

ดอกแย้ม

โกนจาพนนิพนธ์
   

นามกล่าว ไว้นา

ปากแลหางเรียวแฉล้ม
   

ทอดเท้าคือสิงห์

นิลรัตน์

     แมวนิลรัตน์ เป็นแมวมีสีดำสนิททั้งตัว ขนเป็นมันแวววาว นอกจากนั้น เล็บ ลิ้น ฟัน และนัยน์ตา ยังเป็นสีดำอีกด้วย หางเรียวยาว ตวัดได้ถึงศีรษะ ค่อนข้างหายาก หากใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเพิ่มพูน

บทกวีที่กล่าวถึงแมวนิลรัตน์



ภาพแมวนิลรัตน์จากสมุดข่อยโบราณ

สมยานามชาติเชื้อ    

นิลรัตน์

กายดำสิทธิสามรรถ
   

เลิศพร้อม

ฟันเนตรเล็บลิ้นทัต
   

นิลคู่ กายนา

หางสุดเรียวยาวน้อม
   

นอบโน้มเสมอเศียร



วิลาศ

       แมววิลาศ มีสีดำเกือบทั้งตัว ขนเรียบ ยกเว้นใบหูทั้ง 2 ข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก ปลายเท้าทั้ง 4 และจากท้ายทอยบนหลังจนถึงปลายหางมีสีขาว หางเรียวยาว นัยน์ตาสีเข้ม รูปร่างสวยงามน่ารัก ใครเลี้ยงจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีทรัพย์สินบริบูรณ์ ื

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิลาศ



ภาพแมววิลาศจากสมุดข่อยโบราณ

  ราวคอทับถงาดท้อง    

สองหู

ขาวตลอดหางดู
   

ดอกฝ้าย

มีเสวตรสี่บาทตรู
   

สองเนตร์ เขียวแฮ

งามวิลาศงามคล้าย
   

โภคพื้นกายดำ
แมวโคราช หรือแมวสีสวาด 


มีถิ่นกำเนิดอย่อำเภอพิมาย โบราณเรียกว่า แมวมาเลศ หรือ แมวดอกเลา เพราะมีสีคล้ายดอกเลา ดั้งนั้นแมวโคราชจึงมีชื่อเรียกมากกว่าแมวสายพันธุ์อื่นๆ คือ มีชื่อเรียกกันถึง 5 ชื่อ คือ 1 แมวโคราช 2. แมวสีสวาด 3. แมวมาเลศ 4. แมวดอกเลา 5. แมวสีเทา

ลักษณะของแมวโคราช แมวโคราชเป็นพันธุ์แท้นั้นจะมีสีสวาดออกเทาเงิน (สีสวาด คือ ผลไม้ที่เป็นสีเทา อีกความหมายหนึ่งคือ ความรัก) เส้นขนสั้นถึงยาวปานกลาง เป็นเงามันเหลื่อม ถ้าถูกแดดจะออกประกายเข้มสีเทาเงินออกดอกเลา และเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้ามีสีอื่นปะปนน่าจะไม่ใช่พันธุ์แท้ รูปร่างของแมวโคราชจะมีขนาดปานกลง ลำตัวแข็งแรงค่อนข้างกลมกว่าแมวชนิดอื่น โครงกระดูกแข็งแรง หลังโค้ง ขาได้ส่วนกับลำตัว เท้าเป็นรูปไข่ หางยาวปานกลาง ถึงยาวมา โคนหางใหญ่ แล้วค่อยเรียวกลมจนสุดปลายหาง รูปศรีษะเมื่อดูจากด้านหน้าตัวผู้หน้าผากจะมีรอยหยัก กรามใหญ่และแข็งแรง ซึ่งทำให้มองเห็นเป็นรูปหัวใจอย่างเด่นชัด หูใหญ่ตั้งสูงเด่น ดวงตาใหญ่ และเบิกกว้างเป็นประกายแวววาว สีของตาเมื่อเป็นลูกแมวจะเป็นสีฟ้า ครั้นโตขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดหรือเขียว หรือเหลืองอำพันเมื่อโตเต็มที่แล้ว

ความเชื่อเกี่ยวกับแมวโคราช แมวโคราชเป็นแมวแห่งโชคลาภ ผูกพันกับคนไทยมานาน สีขนเป็นสีสวาออกเทาเงิน หมายถึงสีของเงินและโชคลาภ เป็นแมวที่ใช้ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เมื่อเจอฤดูการแห้งแล้ง เชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน ซึ่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ชาวไร่ ชาวนา ตามที่เป็นสีเขียวหรือเหลืองอำพันนั้นเปรียบเสมือนความเขียวขจีของกล้าข้าวในนา แมวโคราชจัดเป็นแมวที่มีลักษณะที่ดี เป็นแมวที่ให้คุณแก่ผู้เลี้ยงดู ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า 'ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล' และจากตำราดูลักษณะแมวดีในสมุดข่อยโบราณหอสมุดแห่งชาติ กล่าวไว้ดังนี้


แมวชื่อมาเลศ หรือดอกเลา วิลามาเลศ พรรณกาย ขนดังดอกเลาลาย เรียบร้อย โคนขนเมฆมอปลาย ปลอมเสวตร ตาดั่งน้ำค้างย้อย หยาดต้องสี

อุปนิสัยแมวโคราช แมวโคราชมีนิสัยที่แตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นอย่างเห็นได้ชัด แมวโคราชจะมีนิสัยค่อนข้างฉลาด จำแม่น ขี้ประจบ ถ้าหากเรานำแมวโคราชไปปล่อยในต่างสถานที่ แมวฯ สามารถที่จะกลับมาที่บ้านของตัวได้ มีนิสัยคล้ายสิงห์โต จะสร้างอาณาจักรของตัวเองโดยการฉี่รอบสถานที่อยู่อาศัย แมวต่างถิ่นที่เป็นตัวผู้จะไม่ให้กล้ำกลายเข้ามา ยกเว้นตัวเมีย ตัวเมียถ้าหากอยู่รวมกันเป็นฝูงจะแบ่งชั้นวรรณะกัน ถ้าหากเราให้อาหารรวมกัน ตัวที่เป็นจ่าฝูงจะกินอาหารก่อน และไล่รองลงมา แต่การเลี้ยงลูกกลับมีนิสัยเหมือนสิงห์โต ตัวเมืองจะช่วยกันเลี้ยงลูก แมวถึงแม้ไม่ใช่ลูกของตัวเอง แม้แต่อาหารก็จะให้ลูกแมวกันก่อนแล้วค่อยกินทีหลัง แม่แมวจะฝึกลูกของตัวเองในการดำรงชีพ และป้องกันตัวโดยการสัตว์เล็กมาให้หยอกเล่นเป็นการฝึกการหาอาหารและป้องกันตัวเอง แมวโคราชมีนิสัยที่จะเจ้าของแม่นมาก ถ้าคนแปลกหน้าเข้ามาจะไม่ไว้วางใจหรืออาจจะขู่เลย แต่ถ้าเป็นเจ้าของจะวิ่งมาเคล้าแข้งเคล้าขา ประจบสอพลอ

แมวศุภลักษณ์ 

 


          วิลาศุภลักษณ์ล้ำ   วิลาวรรณ
          ศรีดังทองแดงฉัน   เพริศแพร้ว
          แสงเนตรเฉกแสงพรรณ   โณภาษ
          กรรษสรรพโทษแล้ว   สิ่งร้ายคืนเกษม

          แมวศุภลักษณ์.. ในสายตาฝรั่งแล้วเข้าใจว่าแมวทองแดงเป็นแมวพม่า เนื่องจากปี พ.ศ. 2473 ดร.โจเซฟ ซี ทอมสัน ชาวอเมริกัน ได้นำแมวตัวเมียสีน้ำตาลจากประเทศพม่ากลับไปที่ซานฟรานซิสโก แล้วนำไปจดทะเบียน ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งชื่อว่า Burmese Cat หรือแมวพม่า นั่นเอง และเป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีคนเลี้ยงกันมากที่สุดในโลก แต่ในสายตาคนไทย ถือว่าแมวทองแดงเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะนิสัย เป็นแบบฉบับแมวไทย

          ทั้งนี้ มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตกนั้น พม่าได้กวาดต้อนคนไทยจำนวนหนึ่งไปเป็นเชลยศึกที่พม่าและมีแมวทองแดงตามเจ้าของเข้าสู่เขตแดนพม่าด้วย เนื่องจากเป็นแมวชั้นสูงเช่นเดียวกับแมวไทยพันธุ์อื่นๆ พวกขุนนางพม่า จึงนิยมเลี้ยงกัน พอพวกฝรั่งไปพบเข้าจึงเรียกเป็นแมวพม่าไป

           แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์



แมวศุภลักษณ์ (Burmese Cat)


แมวศุภลักษณ์ (Burmese Cat)


ลักษณะสีขน

          ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป

ลักษณะของส่วนหัว

          ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่

ลักษณะของนัยน์ตา

          แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว

ลักษณะของหาง

          หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์

          ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

วิเชียรมาศ

 วิเชียรมาศ  







             วิเชียรมาศ ปรากฏหลักฐานในสมุดข่อยโบราณของไทย เป็นแมวที่คนไทยเลี้ยงไว้ในพระราชสำนัก เพราะถือว่เป็นแมวนำโชคลาภ ซึ่งชาวบ้านธรรมดาไม่มีโอกาสเลี้ยง แมววิเชียรมาศ มีตาสีฟ้า สดใส และมีสีเข้มเรียกว่า แต้ม ชาวต่างประเทศเรียก แมววิเชียรมาศ ว่า แมวแต้มสีครั่ง Seal Point ส่วนสีขนนั้น เมื่อ ลูกแมว แรกเกิด จะเป็นสีครีมอ่อนฯ หรือขาวนวล
แต่ เมืออายุ มากขึ้น สีสันต่างๆ จะเริ่มเข้มขึ้นตามลำดับ ชาวต่างประเทศได้นำแมวไทยไปผสมกับ แมวต่างประเทศบางพันธุ์ ได้แมวที่มีสีแต้มอื่นๆ อีกหลายสี
เช่น แต้มสีเทา, แต้มลาย, แต้มสีกลีบบัว แมวเหล่านี้ จัดไว้ในกลุ่ม Siamese Cat ซึ่งเป้นแมวที่มีผู้นิยมเลี้ยงกันมาก และมีราคาสูง


          มื่อปี พ.ศ.2427 ชาวอังกฤษ ชื่อนายโอเวน กูลด์ (Owen Gould)
กงสุลอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ได้นำแมวไทยตัวผู้และตัวเมียคู่หนึ่งจากประเทศไทยไปฝากน้องสาวของท่านที่ อังกฤษ
 อีกหนึ่งปีต่อมา แมวคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานประกวดแมวที่ The Crystal Palace
กรุงลอนดอน ผลปรากฎว่าได้ที่หนึ่ง ทำให้ชาวอังกฤษพากันตื่นเต้นเลี้ยงแมวไทยกันมากขึ้น จนถึงขั้นตั้งเป็นสโมสรแมวไทย
เมื่อปี พ.ศ.2443 มีชื่อว่า The Siamese Cat Clubs
ต่อมาในปี พ.ศ.2471 ก็มีการตั้งสมาคมแมวไทยแห่งจักรวรรดิอังกฤษ หรือ
The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นอีกสมาคมหนึ่ง

มว ไทยที่นายโอเวน กูลด์ นำไปจากเมืองไทยนั้น มีแต้มสีครั่ง หรือนำตาลไหม้ที่บริเวณหน้า หูสองข้าง เท้าทั้งสี่ หาง และ อวัยวะเพศ รวมเก้าแห่ง
ทั้งตัวผู้และตัวเมีย นับเป็นแต้มสีที่อยู่ในตำแหน่งอันเหมาะเจาะจนเหลือเชื่อ แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นที่มักมีแต้มสีเลอะเทอะไม่เรียบร้อย
 และเมื่อนำแมวไทยไปผสมกับแมวพันธุ์อื่น ก็จะได้แต้มสีตามร่างกายตามตำแหน่งเดียวกันเสมอ แต่รูปร่างจะไม่สง่างามเท่า
และอุปนิสัยจะไม่ตกทอดไปยังแมวลูกผสมด้วย
นอกจาก ความประหลาดในเรื่องแต้มสีแล้ว รูปร่างของแมวไทยก็น่ารัก ไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป มีความงามสง่า
และมีขนสั้น แน่น อ่อนนุ่มไปทั้งเรือนร่าง ทั้งยังมีนัยน์ตาสีฟ้าสดใสลึกซึ้งเหมือนกับตาฝรั่ง ซึ่งแมวอื่นไม่มี
แมวไทยชนิดนี้เป็นแมวไทยพันธุ์แรกที่ฝรั่งรู้จัก จึงมักเรียกกันทั่วไปว่า Siamese Cat
หรือ Seal Point (แมวแต้มสีครั่ง) ส่วนในสมุดข่อยโบราณของไทยให้ชื่อแมวไทยลักษณะนี้ว่า "วิเชียรมาศ"
ผู้ที่ได้มอบแมววิเชียรมาศให้กับนายโอเวนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ของเรานี่เอง
 ซึ่งหลังจากที่พระองค์ได้ทรงมอบแมววิเชียรมาศให้นายโอเวนแล้ว ก็ทรงเห็นว่าแมวไทยเป็นสัญลักษณ์ที่สามารถทำให้ประเทศทั่วโลกรู้จัก
ประเทศไทยดีขึ้น จึงได้พระราชทานแมวไทยให้กับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เช่น อเมริกา ในปี พ.ศ.2433
จากผลงานของพระองค์ทำให้แมวไทยและประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในสมัยนั้
คุณสมบัติ สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้แมวไทยเหนือกว่าแมวอื่นใดในโลกก็คือ อุปนิสัยของแมวไทย ที่มีความฉลาด รักบ้าน รักเจ้าของ
มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด รู้จักประจบ และที่ฝรั่งยกย่องแมวไทยมากที่สุดก็คือ ความรักอิสรภาพของตัวเองเป็นชีวิตจิตใจ
อิสระที่จะไปไหนก็ได้ตามใจชอบ อิสระที่จะดื่มและกินเมื่อกระหายหรือหิว อิสระเสรีภาพเป็นสิ่งที่แมวไทยถือเป็นบุคลิกประจำตัว
และด้วยสิ่งนี้เองที่มำให้แมวไทยเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักที่สุดในโล
แมว ไทยจึงเป็นแมวที่ต้องเลี้ยงอย่างเป็นเพื่อน มันจะอยู่เฉพาะกับเจ้าของที่ให้ความรัก ให้ความเป็นเพื่อนกับมันเท่านั้น
เป็นที่น่าประหลาดว่าการผสมพันธุ์ระหว่างแมวไทย กับแมวต่างชาตินั้น แม้ว่าจะได้แมวลักษณะรูปร่าง หรือสีแบบแมวไทย
 แต่จะไม่ได้อุปนิสัยของแมวไทยไปด้วย นอกจากจะผสมระหว่างแมวไทยด้วยกัน จึงจะคงอุปนิสัย สีสัน รูปร่างต่าง ๆ ไว้ได้อย่างครบถ้ว
นาง Robert Locke ผู้ก่อตั้ง Beresford Cat Club ในปี 1899 และดำรงตำแหน่งเป็นประธานคนแรก
ใน รูปนาง Locke ถ่ายกับแมวไทย หรือ ไซมีสแคท สามตัวแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เธอตั้งชื่อพวกมันว่า “คาลิฟ”, “สยาม” และ “แบงคอก”
เป็น ยังไงบ้างคะ เพื่อน ๆ คงได้รู้จักแมวไทยกันดียิ่งขึ้น และก็คงรู้สึกภูมิใจกับแมวไทยของเราด้วยใช่มั๊ยคะ
ยังไงแมวไทยก็น่ารักวันยังค่ำ นิสัยซน ๆ ปราดเปรียว เป็นตัวของตัวเอง แล้วก็รักอิสระแบบนี้แหละค่ะ ที่เป็นเสน่ห์ของแมวไทย
 อย่าลืมช่วยกันเลี้ยงดู เอาใจใส่แมวไทยในบ้าน หรือรอบ ๆ บ้านของคุณเป็นอย่างดีด้วยนะคะ

แมวไทย


            
            แมวไทย คือแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย คุณสมบัติที่ทำให้แมวไทยเหนือกว่าแมวชนิดอื่น คือ อุปนิสัย แมวไทยมีความฉลาด มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด รู้จักประจบ รักบ้าน รักเจ้าของ และเหนืออื่นใด คือ รักความอิสระของตัวเองเป็นชีวิตจิตใจ อิสระที่ จะกิน จะดื่ม หรือจะไปไหนตามที่ใจชอบ ซึ่งถือว่าเป็นบุคลิกประจำตัวที่ทำให้แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่น สีสันตามตัวของแมวไทย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักรักแมวรู้สึกสุขใจยามได้มอง ไม่ว่าจะเป็น วิเชียรมาศ เก้าแต้ม ขาวมณีหรือขาวปลอด นิลรัตน์หรือดำปลอด ศุภลักษณ์หรือ ทองแดง สีสวาดหรือแมวไทยพันธุ์โคราช ต่างล้วนได้รับความสนใจ จากเจ้าของและผู้สนใจทั้งสิ้น

เมื่อปี พ.ศ. 2427 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานแมววิเชียรมาศคู่หนึ่งให้แก่ กงสุลอังกฤษชื่อนาย โอเวน กูลด์ (Owen Gould) แมวไทยคู่นี้ชนะการประกวดแมวที่ กรุงลอนดอน และทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น ในที่สุดก็แพร่หลายไปทั่วโลก และแมววิเชียรมาศก็เป็นที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า "Siamese Cat" หรือแมวสยาม นับแต่สมัยกรุงธนบุรีเป็นต้นมา จวบจนถึง สมัยรัชกาลที่ 5 ลาวได้อพยพสู่สยามโดยการกวาดต้อนครัวเรือนชาวลาวไปสยามจำนวนมาก พวกสัตว์ประเภทต่างๆก็คงได้อพยพไปด้วย แมวไทยอาจมีสายเลือดแมวลาวปนอยู่ด้วยอย่างมาก

สำหรับในประเทศไทย คนไทยที่เป็นที่รับรู้ดีว่าชอบเลี้ยงแมวไทย อาทิ เช่น นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายพิชัย วาสนาส่ง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการต่างประเทศ และ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล อดีตผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) เป็นต้น



ชนิดของแมวไทย

       

 

 แมวมงคล 17 ชนิด

  1.     วิเชียรมาศ

  2.     ศุภลักษณ์ หรือ ทองแดง

  3.     มาเลศ หรือ แมวโคราช

  4.     โกนจา หรือ ดำปลอด

  5.     นิลรัตน์

  6.     วิลาศ

  7.     เก้าแต้ม

  8.     รัตนกำพล

  9.     นิลจักร

  10.     มุลิลา ล

  11.     กรอบแว่น หรือ อานม้า

  12.     ปัดเสวตร หรือ ปัดตลอด

  13.     กระจอก

  14.     สิงหเสพย์ หรือ โสงหเสพย์ ล

  15.     การเวก

  16.     จตุบท

  17.     แซมเสวตร  

    แมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด


    1.     ทุพลเพศ 
    2.     พรรณพยัคฆ์ 

    3.     ปีศาจ 

    4.     หิณโทษ

    5.     กอบเพลิง 

    6.     เหน็บเสนียด